; Perplexity Deep Research
คำว่า "แป๊ะเจี๊ยะ"
เป็นปรากฏการณ์ที่ฝังรากลึกในสังคมไทยมายาวนาน และแพร่กระจายไปในหลายภาคส่วน
โดยเฉพาะในระบบการศึกษาและอสังหาริมทรัพย์
สะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำและวัฒนธรรมการยอมรับการจ่ายเงินนอกระบบเพื่อแลกกับสิทธิพิเศษต่างๆ
รายงานนี้จะวิเคราะห์ความหมาย ที่มา ปรากฏการณ์
และผลกระทบของแป๊ะเจี๊ยะในบริบทต่างๆ ของสังคมไทย
รวมถึงความพยายามในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ความหมายและรากศัพท์ของ "แป๊ะเจี๊ยะ"
"แป๊ะเจี๊ยะ" เป็นคำที่มาจากภาษาจีนแต้จิ๋ว
ประกอบด้วยคำว่า "白" (bêh8) แปลว่า "ขาว, ว่าง, เปล่า"
ผสมกับคำว่า "食" (ziah8) แปลว่า "กิน"
เมื่อรวมกันจึงมีความหมายว่า "กินเปล่า" หรือ "เงินกินเปล่า"[1] ซึ่งสะท้อนลักษณะของการได้รับผลประโยชน์โดยที่ผู้รับไม่ต้องทำอะไรเป็นการตอบแทน
ในพจนานุกรมไทย-ไทย อ.เปลื้อง ณ นคร ให้ความหมายว่า "กินเปล่า, เงินกินเปล่า ในกิจการบางอย่างโดยเฉพาะการเช่าร้านค้า ผู้เช่าต้องเสียเงินแป๊ะเจี๊ยะให้ผู้มีสิทธิ์อยู่ก่อน"[2] ส่วนในพจนานุกรมไทย-อังกฤษ LEXiTRON แปลว่า "additional charges" หรือ "เงินกินเปล่า"[3] ในขณะที่พจนานุกรมของอาจารย์สอ เสถบุตร อธิบายว่าเป็น "key money paid by a prospective tenant to a landlord" (เงินที่ผู้เช่าจ่ายให้เจ้าของที่ดิน) [2]
ประวัติความเป็นมาของแป๊ะเจี๊ยะในสังคมไทย
การจ่ายแป๊ะเจี๊ยะในสังคมไทยมีประวัติความเป็นมายาวนาน
โดยเฉพาะในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีหลักฐานย้อนไปถึงสมัยรัชกาลที่ 5
ระบบนี้เริ่มปรากฏชัดเจนในช่วงการประมูลเช่าที่ดินจาก "พระคลังข้างที่"
ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
วิทยานิพนธ์ของชลลดา วัฒนศิริ เรื่อง
"พระคลังข้างที่กับการลงทุนธุรกิจในประเทศ พ.ศ. 2433-2475" ได้อธิบายว่า
"วิธีการประมูลค่าเช่านี้เริ่มปรากฏมาตั้งแต่ช่วงสมัยรัชกาลที่ 5
สำหรับกรณีที่มีผู้เช่าหลายรายต้องการเช่าตึกแถวของพระคลังข้างที่พร้อมกัน
พระคลังข้างที่จะใช้วิธีให้ผู้ต้องการเช่าเหล่านี้ประมูลเสนอเงินกินเปล่า
หรือที่เรียกกันว่า 'แป๊ะเจี๊ยะ' แข่งกัน
ผู้ที่ประมูลเงินกินเปล่าสูงสุดจะได้รับอนุญาตให้เช่าสถานที่นั้น" [4]
วิธีการประมูลในสมัยนั้นใช้การประมูลด้วยวาจาในที่สาธารณชน
เมื่อพนักงานเคาะไม้เป็นอันตกลงว่าผู้นั้นเป็นผู้ประมูลสูงสุด
และได้รับสิทธิเป็นผู้เช่า[4] ระบบนี้ช่วยให้เจ้าของทรัพย์สินแสวงหาประโยชน์สูงสุดในระบบตลาดทุนนิยม
โดยหากทรัพย์สินเป็นที่ต้องการสูง คนจะเสนอราคาที่สูง แต่หากตลาดซบเซา
เจ้าของทรัพย์ก็ยังสามารถหาประโยชน์สูงสุดได้เท่าที่ตลาดจะตอบสนองได้[4]
แป๊ะเจี๊ยะในบริบทต่างๆ ของสังคมไทย
แป๊ะเจี๊ยะในวงการศึกษา
ในวงการศึกษาไทย
แป๊ะเจี๊ยะได้กลายเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ฝังรากลึกและมีความเชื่อมโยงกับความเหลื่อมล้ำในระบบการศึกษา
การจ่ายแป๊ะเจี๊ยะในวงการศึกษามักเกี่ยวข้องกับการที่ผู้ปกครองจ่ายเงินใต้โต๊ะเพื่อให้บุตรหลานได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียง
โดยมีการรายงานว่าโรงเรียนรัฐบาลดังๆ
บางแห่งเรียกเก็บค่าแป๊ะเจี๊ยะในอัตราที่สูงกว่าโรงเรียนเอกชนด้วยซ้ำ[3]
ศาสตราจารย์สมพงษ์ จิตระดับ จากคณะครุศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ยอมรับว่าการจ่ายเงินให้เด็กเข้าเรียนเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับผู้ปกครอง
เพราะสามารถการันตีคุณภาพการศึกษาได้ แต่กระบวนการนี้กำลังทำลายระบบการศึกษาไทย
และสะท้อนถึงช่องว่างความเหลื่อมล้ำการศึกษาไทยระหว่างคนรวยและคนจน[5]
จากการวิจัยของธนาคารโลกพบว่า
คุณภาพการศึกษาของเด็กในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดมีความแตกต่างกันถึง 3 ปี
ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ผู้ปกครองยอมจ่ายแป๊ะเจี๊ยะในราคาสูงถึง 400,000
บาทเพื่อให้ลูกได้เข้าเรียนในโรงเรียนดัง[5]
ปัญหานี้ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566
มีข่าวการจับกุมรองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น
ขณะกำลังรับเงินแป๊ะเจี๊ยะจากผู้ปกครองถึง 10,000 บาท ทั้งที่ค่าเทอมปกติอยู่ที่
2,500 บาท และยังพบหลักฐานการรับเงินจากนักเรียนย้ายเข้ากว่า 70 คน ตั้งแต่
5,000-20,000 บาทต่อคน[6]
แป๊ะเจี๊ยะในภาคอสังหาริมทรัพย์
ในตลาดอสังหาริมทรัพย์
การเรียกแป๊ะเจี๊ยะยังคงเป็นธรรมเนียมที่แพร่หลาย
เจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างมักเรียกเก็บแป๊ะเจี๊ยะจากผู้เช่าเป็นเงินจำนวนหนึ่งที่ค่อนข้างสูงตอนทำสัญญา
นอกเหนือจากค่าเช่าปกติ[7]
ข้อดีสำคัญของแป๊ะเจี๊ยะในบริบทอสังหาริมทรัพย์คือการช่วยให้เจ้าของทรัพย์สินแสวงหาประโยชน์สูงสุดในตลาดทุนนิยม
กล่าวคือ "หากทรัพย์สินนั้นเป็นที่ต้องการสูงคนย่อมเสนอราคาที่สูง
แต่หากตลาดซบเซาเจ้าของทรัพย์ก็ยังสามารถหาประโยชน์จากทรัพย์นั้นได้สูงสุดเท่าที่ตลาดจะสนองได้"[4]
แป๊ะเจี๊ยะในการเมืองและระบบราชการ
ในทางการเมืองและระบบราชการ
การให้แป๊ะเจี๊ยะเพื่อให้ได้ตำแหน่งหรือสิทธิพิเศษเป็นเรื่องที่มีมานาน
มีรายงานว่าบางพรรคการเมืองอาจเรียกเงินจากผู้ต้องการตำแหน่งทางการเมืองหรือรัฐมนตรีเป็นจำนวนสูงมาก
เพื่อหาเงินเข้าพรรคและช่วยเหลือผู้สมัครอื่น[7]
ในวงการราชการ
มีข่าวเกี่ยวกับการให้แป๊ะเจี๊ยะเพื่อโยกย้ายตำแหน่ง โดยมีการกล่าวว่า
"ระดับผู้กำกับการ 5-7 ล้านบาท ระดับสารวัตร ราคา 1.5-2 ล้านบาท
เป็นราคาตั๋วเด็ก"[7] สะท้อนให้เห็นว่าการซื้อตำแหน่งด้วยแป๊ะเจี๊ยะฝังรากลึกในหลายหน่วยงานของรัฐ
แป๊ะเจี๊ยะ: เส้นแบ่งระหว่างวัฒนธรรมและการทุจริต
แม้ว่าแป๊ะเจี๊ยะจะมีรากฐานมาจากวัฒนธรรมการซื้อขายและการประมูลที่เป็นที่ยอมรับในอดีต
แต่ในปัจจุบัน หลายฝ่ายมองว่าแป๊ะเจี๊ยะเป็นรูปแบบหนึ่งของการคอร์รัปชัน
ร.ต.อ.จอมเดช ตรีเมฆ นักวิชาการด้านอาชญวิทยา มหาวิทยาลัยรังสิต ระบุว่า
"แป๊ะเจี๊ยะ ก็คือการคอร์รัปชันนั่นเอง"
และเป็นคำพูดที่แสดงถึงการยอมรับการคอร์รัปชัน
ให้ความรู้สึกว่าเป็นการจ่ายที่ไม่ผิดกฎหมาย[8]
นายมานะ นิมิตรมงคล
เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันประเทศไทย
กล่าวว่าการเรียกรับเงินในลักษณะนี้มีให้พบเห็นอยู่ทั่วโลก
และการเรียกรับแป๊ะเจี๊ยะเป็นปัญหาระดับชาติซึ่งพฤติกรรมการโกงที่เกิดขึ้นทั้งประเทศทำให้ผู้คนเพิกเฉย
ชินชา และขอให้ตัวเองอยู่รอดปลอดภัยก็พอแล้ว[8]
ผลกระทบของแป๊ะเจี๊ยะต่อสังคมไทย
ความเหลื่อมล้ำทางสังคม
แป๊ะเจี๊ยะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย
โดยเฉพาะในระบบการศึกษา
เพราะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ที่มีฐานะดีสามารถเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาที่ดีกว่าผ่านการจ่ายเงินแป๊ะเจี๊ยะ[5] ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นกับดักที่ทำลายความเท่าเทียมในสังคมไทย[6]
การรักษาระบบแป๊ะเจี๊ยะไว้ในวงการศึกษาจึงเป็นการรักษาความได้เปรียบทางสังคมให้กับคนที่มีกำลังจ่าย
เพื่อแลกกับผลประโยชน์เป็นตัวเงิน ต่อให้คนให้เต็มใจให้ และคนรับเต็มใจรับ
ทั้งสองฝ่ายอาจไม่เสียหายก็จริง แต่สังคมโดยรวมย่อมเสียหาย[4]
การปลูกฝังค่านิยมทุจริต
การยอมรับระบบแป๊ะเจี๊ยะในสังคมไทยเป็นการปลูกฝังค่านิยมที่ผิด
แทนที่จะให้ค่ากับการพยายามตั้งใจศึกษาเล่าเรียน
แต่กลับยอมจ่ายเงินตอบแทนจำนวนมากเพื่อให้ได้มาซึ่งความต้องการ[9] การนี้สร้างแบบอย่างที่ไม่ดีให้กับเด็กและเยาวชน
โดยสอนพวกเขาว่าเงินสามารถซื้อได้ทุกอย่างแม้กระทั่งโอกาสทางการศึกษา
นายคมเทพ ประภายนต์ นายกสมาคมเครือข่ายผู้ปกครองแห่งชาติ
กล่าวว่า
ทางสมาคมเป็นห่วงกรณีผู้ปกครองยอมจ่ายเงินเพื่อให้บุตรหลานได้เข้าเรียนในโรงเรียนดัง
และต้องเร่งแก้ปัญหาแป๊ะเจี๊ยะอย่างรวดเร็ว เพราะถือเป็นวงจรที่ทำลายการศึกษาไทย
และอาจส่งผลต่อค่านิยมของเด็กที่เห็นว่าเงินสามารถซื้อทุกอย่างได้[5]
มาตรการและความพยายามในการแก้ไขปัญหาแป๊ะเจี๊ยะ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
มีความพยายามในการแก้ไขปัญหาแป๊ะเจี๊ยะในวงการศึกษา โดยในปี 2562
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ได้ผลักดันมาตรการป้องกันการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษา
เสนอไปยังคณะรัฐมนตรี[9]
ป.ป.ช. ได้เสนอให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
(สพฐ.) พิจารณายกเลิกหลักเกณฑ์การรับนักเรียนกรณีนักเรียนที่มีเงื่อนไขพิเศษ
เนื่องจากเป็นช่องทางสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทน[9]
ในปี 2566 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช.
ได้มอบนโยบายให้สำนักงาน ป.ป.ช.
ในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศติดตามเฝ้าระวังปัญหานี้อย่างต่อเนื่อง
พร้อมทั้งกำชับให้สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด ร่วมเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์
โดยหากพบผู้ใดกระทำผิด จะมีการลงโทษขั้นสูงสุด[9]
บทสรุป
แป๊ะเจี๊ยะเป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนทั้งรากเหง้าทางวัฒนธรรมและปัญหาเชิงโครงสร้างในสังคมไทย
จากจุดเริ่มต้นที่เป็นระบบการประมูลเช่าที่ดินในสมัยรัชกาลที่ 5
มาสู่การแพร่กระจายไปในหลายภาคส่วนของสังคม โดยเฉพาะในวงการศึกษา อสังหาริมทรัพย์
และระบบราชการ
แม้ว่าแป๊ะเจี๊ยะจะถูกมองว่าเป็นการทุจริตรูปแบบหนึ่ง
แต่กลับได้รับการยอมรับในวงกว้างและถูกมองว่าเป็นเรื่องปกติในสังคมไทย
ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาค่านิยมและวัฒนธรรมการยอมรับการทุจริตที่ฝังรากลึกในสังคม
การแก้ไขปัญหาแป๊ะเจี๊ยะจึงไม่ใช่เพียงการบังคับใช้กฎหมาย
แต่ยังเกี่ยวข้องกับการปรับเปลี่ยนทัศนคติและค่านิยมของคนในสังคม
ความท้าทายสำคัญคือการสร้างระบบที่โปร่งใสและเป็นธรรม โดยเฉพาะในวงการศึกษา เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพโดยไม่ขึ้นอยู่กับฐานะทางเศรษฐกิจ และการปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้องให้กับเยาวชน เพื่อสร้างสังคมที่ปราศจากการทุจริตในอนาคต
อ้างอิง
- [1] https://th.wiktionary.org/wiki/แป๊ะเจี๊ยะ
- [2] https://www.sanook.com/dictionary/dict/dict-th-th-pleang/search/แป๊ะเจี๊ยะ/
- [3] https://dict.longdo.com/search/แป๊ะเจี๊ยะ
- [4] https://www.thepeople.co/read/24448
- [5] https://www.thaipbs.or.th/news/content/263677
- [6] https://www.tnnthailand.com/tnnexclusive/165607/
- [7] https://www.posttoday.com/business/503830
- [8] http://www.anticorruption.in.th/2016/th/detail/372/4/ทฤษฎีความเป็นเจ้าของแก้ปัญหา'แป๊ะเจี๊ยะ'
- [9] https://www.bangkokbiznews.com/politics/1060314
No comments:
Post a Comment